Saturday, 27 July 2024

หวนคืนรัก จักรพรรดิวงการบันเทิง (Omegaverse) | นิยาย Dek-D

[ad_1]

“ผมไม่มีวันเลิกกับคุณ และคุณกับลูกก็ไม่มีทางไปจากผม”

ข้อมูลเบื้องต้น

หวังลี่ x ไฉหลิน

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

อัลฟ่า x โอเมก้า

จักรพรรดิของวงการบันเทิงผู้โด่งดังจากการแสดงละครและภาพยนตร์มาหลากหลายตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย อยู่ๆ ก็หายตัวจากวงการบันเทิงในช่วงที่กำลังรุ่งโรจน์ มีข่าวลือมากมายแต่ก็ไม่มีใครรู้ความจริงว่าจักรพรรดิวงการบันเทิงคนนั้นดันท้อง!

(มีติดเหรียญ)

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

⚠️คำเตือน⚠️

กรุณาคอมเม้นอย่างสุภาพกันอย่างสุภาพนะทุกคน

เริ่มใหม่อีกครั้ง

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

“อาไฉ ทางนี้”

ไฉหลินมองตามเสียงเรียกชื่อ เขาเห็นชายหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตากำลังโบกมือเรียกอยู่ที่โต๊ะในร้านอาหาร

“ไงอี้คุน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

“ช่วงนี้งานยุ่งมาก ยิ่งมารับช่วงต่อกิจการที่บ้านแล้วหาเวลาปลีกตัวอย่างยากเลย นี่ถ้าไม่มีบินมาทำงานที่นี่นะ ฉันก็หาเวลามาเจอแกไม่ได้หรอกเว้ย”

อี้คุนบ่นงึมงำพร้อมซดกาแฟไปอีกหนึ่งอึก

“ว่าแต่แกเถอะอาไฉ เมื่อไหร่จะกลับมาทำงานล่ะ ฉันล่ะโคตรอยากได้แกไปลงปกนิตยสารเลย”

“ก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันนะ”

“หืม นี่ฉันไม่ได้หูฝาดจริงดิ”

“กวนตีนกันอยู่หรือไง”

ดวงตาคมสวยของไฉหลินหรี่ตามองเพื่อนสนิทที่กำลังทำท่าทางกวนตีนใส่ทันทีที่เขาพูดจบประโยค ทำเอาอีกฝ่ายรีบกลับมาทำท่าทางเป็นการเป็นงานเหมือนเดิม

“ล้อเล่นน่าเพื่อน ดุชิบ ว่าแต่ที่พูดมานั่นคือแกพร้อมที่จะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงแล้วใช่ไหม”

“อืม ใช่ ฉันพร้อมแล้ว อีกอย่างตอนนี้ลูกก็โตแล้วด้วย ฉันอยากพาถิงถิงกลับบ้านเกิดเสียที”

“อ่า! พูดถึงถิงถิงน้อยแล้วคิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่รู้ว่าจะจำอาคนนี้ได้ไหม”

“ก็ไปเจอสิ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรับลูกที่โรงเรียนแล้ว”

“ไม่ได้น่ะสิ ฉันต้องบินกลับประเทศเลยว่ะ ว่าแต่สรุปแกจะกลับเข้าวงการใช่ไหม”

“ใช่แล้ว ฉันเลยอยากให้แกช่วยด้วยน่ะ”

“ได้เลยเพื่อน งั้นฉันขอจองคิวแกเป็นคนแรกเลยนะ นี่ถ้าบรรดาผู้จัดละคร ผู้กำกับทั้งหลายแหล่รู้ว่าแกจะกลับเข้าวงการบันเทิงนะ คิวแกต้องแน่นแน่นอน”

สิ่งที่อี้คุนพูดนั้นไม่ได้ดูเวอร์เลยสักนิด สำหรับไฉหลินแล้ว ก่อนที่เขาจะหายออกไปจากวงการบันเทิงนั้น เมื่อก่อนเขาเคยเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งประเทศต้องรู้จักชื่อของไฉหลิน นักแสดงมากความสามารถมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก แถมยังได้ฉายาว่าจักรพรรดิแห่งวงการบันเทิงที่อายุน้อยที่สุดในวัยเพียงยี่สิบปีเท่านั้น

“อ๊ะ ถึงเวลาต้องไปรับลูกแล้ว งั้นขอตัวก่อนนะอี้คุน”

“โอเค แกจะบินกลับวันไหนก็บอกนะเว้ย เดี๋ยวฉันจะไปรับ แต่ถ้าไม่ว่างจะส่งคนไปรับ โอเคนะ”

“โอเค ขอบใจมาก งั้นไปก่อนนะ”

“ไว้เจอกัน”

บอกลาเพื่อนสนิทไปแล้ว ไฉหลินก็ขี่จักรยานไฟฟ้าสามล้อไปรับลูกชายโอเมก้าที่โรงเรียนในทันที และก่อนที่จะถึงโรงเรียนอนุบาล เขาก็แวะซื้อขนมและนมเพื่อลูกชายให้กินระหว่างทางนั่งรถกลับบ้านอีกด้วย

หลังจากที่ปั่นไปได้สักระยะก็เข้าเขตโรงเรียนที่ลูกชายเรียนอยู่ ไฉหลินจัดการจอดรถจักรยานไว้ที่หน้าโรงเรียนก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปด้านในเพื่อไปรับลูกชายที่เขาคิดถึงมาตลอดทั้งวันเลยก็ว่าได้

“หม่ามี๊มารับถิงถิง!”

“ถิงถิงคนเก่งของแม่ หืม คิดถึงลูกที่สุด หนูคิดถึงหม่ามี๊ไหมครับ”

“ถิงถิงคิดถึงคับ!”

เด็กน้อยตอบเสียงดังฟังชัดกันเลยทีเดียว ไฉหลินจัดการอุ้มลูกชายโอเมก้าเข้ามาในอ้อมแขนพร้อมพาเดินไปยังรถที่จอดรออยู่ด้านนอก ระหว่างทางเดินถิงถิงน้อยโบกมือลาเพื่อนๆ โอเมก้าในโรงเรียนอย่างร่าเริง

โรงเรียนที่ถิงถิงน้อยเรียนนั้นเป็นโรงเรียนสำหรับโอเมก้าโดยเฉพาะ แม้เทอมหนึ่งจะต้องจ่ายแพงกว่าโรงเรียนสหศึกษาประมาณสามเท่า แต่เขาก็อยากให้ลูกชายได้ในสิ่งที่ดีที่สุดก็เท่านั้น

“ถิงถิงครับ”

“คับหม่ามี๊”

“เดี๋ยวถึงบ้านหม่ามี๊มีเรื่องอยากคุยกับถิงถิงหน่อยนะ”

“ได้เลยหม่ามี๊”

เด็กแก้มยุ้ยผงกหัวหงึกๆ อย่างน่ารัก ไฉหลินอดใจที่จะหอมแก้มถิงถิงน้อยไม่เคยได้สักที

“ขอหม่ามี๊หอมแก้มหนูสักฟอดได้ไหม”

“ได้คับ! จุ๊บๆ ถิงถิง”

เด็กน้อยยื่นแก้มเข้าหาอย่างง่ายดายซึ่งไฉหลินก็กดจมูกลงบนแก้วอวบอย่างเต็มรัก

“อื้อ! ชื่นใจหม่ามี๊มาก งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ วันนี้หม่ามี๊ซื้อขนมกับนมร้านโปรดมาให้ถิงถิงด้วยนะ”

“เย้! ถิงถิงอยากหม่ำคับหม่ามี๊”

ไฉหลินจับลูกชายตัวน้อยนั่งลงบนรถพ่วงเข็นเด็กด้านหน้าเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นเขาจัดการปั่นจักรยานไฟฟ้าเพื่อกลับบ้านพร้อมเสียงร้องเพลงของลูกน้อยที่ดังคลอระหว่างทาง

เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉหลินก็จับลูกน้อยมาอาบน้ำปะแป้งจนหอมฟุ้ง เขาก็ทำการเข้าครัวเตรียมอาหารเย็นให้ทั้งตัวเองและถิงถิงได้กิน

“หม่ามี๊คับ หอมจังเลย”

“เด็กดีไปนั่งรอหม่ามี๊ที่โต๊ะอาหารก่อนเร็ว เดี๋ยวตัวเหม็นนะลูก”

“ไม่เหม็นนะหม่ามี๊ หอมมากๆ ถิงถิงช่วยยกได้ไหม”

ถิงถิงน้อยร้องขอซึ่งไฉหลินก็ตามใจเด็กน้อยโดยให้ถิงถิงถือชามข้าวของตัวเองไปวางไว้ที่โต๊ะ ส่วนจานอาหารนั้นก็เป็นหน้าที่ของเขาเอง

“ถิงถิงกินผักด้วยนะครับ”

“ถิงถิงชอบคุณผักของหม่ามี๊ที่สุด!”

เด็กแก้มอ้วนเคี้ยวผักชุบแป้งทอดหงุบหงับๆ อย่างเอร็ดอร่อย ถิงถิงเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายทานง่าย มีนิสัยร่าเริง ทั้งยังเป็นเด็กฉลาดที่เข้าใจอะไรง่ายๆ อีกด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้ไฉหลินไม่ค่อยเหนื่อยมากนักในการเลี้ยงดูเด็กคนนี้

หลังทานอาหารเสร็จ โอเมก้าลูกหนึ่งก็พาเด็กนัอยไปแปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนที่จะพาลูกไปทบทวนบทเรียนที่โรงเรียนสอนกันในวันนี้ จนเวลาล่วงเลยไปเล็กน้อย ไฉหลินก็เริ่มพูดคุยเรื่องสำคัญกับลูกชายในทันที

“ถิงถิงครับ จำได้ไหมที่หม่ามี๊มีเรื่องจะคุยกับหนูน่ะ”

“ถิงถิงจำได้ หม่ามี๊จะคุยอะไรคับ”

“หนูใกล้เรียนจบอนุบาลแล้ว หม่ามี๊เลยมีความคิดว่าอยากจะพาหนูกลับไปยังบ้านเกิดของหม่ามี๊ แล้วให้หนูได้เรียนชั้นประถมที่นั่นเลย ถิงถิงคิดว่ายังไงครับ”

เด็กน้อยนิ่งไปอยู่สักพักใหญ่เพราะต้องการประมวลคำพูดของหม่ามี๊ตัวเอง ซึ่งไฉหลินเองก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรลูกชาย เขานั่งรอคอยให้ลูกชายได้คิดอยู่แบบนั้น

“ถิงถิงคิดว่า หม่ามี๊อยู่ที่ไหน ถิงถิงก็อยู่ที่นั่นคับ”

“โธ่ ลูกของหม่ามี๊น่ารักที่สุด”

เป็นอันว่าการพูดคุยกันในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แม้ไฉหลินจะรู้ว่าถิงถิงอาจจะไม่ได้เข้าใจอะไรนักก็ตาม

“หม่ามี๊ แล้วบ้านของเราที่นี่ล่ะคับ”

“บ้านหลังนี้หม่ามี๊ก็จะเก็บไว้ให้ถิงถิงไงครับ หรือช่วงไหนที่ถิงถิงปิดเทอมแล้วอยากมีเที่ยว หม่ามี๊ก็จะพามา ดีไหม”

“ดีที่สุดเลย ! ถิงถิงรักหม่ามี๊”

“หม่ามี๊ก็รักถิงถิงครับ รักที่สุดเลย”

++++

เวลาผ่านไปเกือบสามเดือน ไฉหลินก็จัดการธุระรวมถึงเอกสารต่างๆ จนเสร็จครบทุกอย่างรวมถึงถิงถิงเองก็เรียนจบไปเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดเสียที ซึ่งไฉหลินเองก็ทำการติดต่อเพื่อนอย่างอี้คุนไว้เรียบร้อย ทั้งการหาที่อยู่ให้และเรื่องของงานที่ไฉหลินต้องการที่จะกลับไปทำ

“ถิงถิงลูก ตื่นเร็ว เรามาถึงแล้ว เดี๋ยวคุณอาอี้คุนรอนานนะ”

“หม่ามี๊ ถิงถิงง่วงมากเลย”

“ไว้ไปนอนบนรถดีไหม แต่ตอนนี้ถิงถิงต้องตื่นก่อนนะครับ”

“งือ ถิงถิงตื่นแล้วคับ”

“เก่งที่สุดเลยลูกหม่ามี๊”

ชมเด็กเก่งไปหนึ่งประโยคก็เรียกร้อยยิ้มจากลูกน้อยได้ ไฉ่หลินจัดการอุ้มถิงถิงเข้าเอวพร้อมเดินลงจากเครื่องบินที่มีรถมารอรับเข้าสนามบิน ไฉหลินจัดการเอกสารต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่จนเสร็จก็มารอรับกระเป๋าอยู่ชั่วครู่ เขาก็ตระเตรียมเดินออกไปหาเพื่อนสนิทที่ได้ติดต่อกันมาว่ากำลังรออยู่

“อาไฉ!”

“อี้คุน ขอบใจนะที่มารับ”

“ไม่เป็นไร ไหนเอ่ย ถิงถิงของคุณอาอี้คุนใช่ไหม”

“ถิงถิงเองคุณอาอี้!”

“โอ้ย น่ารักจังลูกเอ้ย”

ไฉหลินเห็นถิงถิงไม่ได้หวาดกลัวอะไรอี้คุนก็อดโล่งใจไม่ได้

“เราขึ้นรถกันเถอะอาไฉ หากอยู่นานกว่านี้ฉันกลัวจะมีคนจำหน้านายได้”

“โอเค ว่าแต่บ้านที่ฉันขอให้นายหาให้”

“มีอยู่สามหลัง สองหลังอยู่ในเขตสำหรับโอเมก้าโดยเฉพาะ ส่วนอีกหลังอยู่แถบไฮโซหน่อยๆ”

“อืม ไว้ไปดู ถูกใจหลังไหนก็เอาหลังนั้น ว่าแต่เรื่องงานล่ะ”

“แกว่างวันไหนล่ะ”

“ถ่ายนิตยสารใช้เวลาวันเดียวเอง เพราะงั้นฉันว่างเสมอนั่นแหละ”

“งั้นก็ดี ฉันอยากเอาแกลงปกของเดือนหน้าเลย ว่าแต่มันจะมีบทสัมภาษณ์ด้วย แกคิดว่าไง”

“ก็ได้นะ ฉันสัมภาษณ์ได้ ไม่มีปัญหา”

“อาไฉ แกก็รู้ใช่ไหมว่ามันจะเลี่ยงคำถามที่ว่าแกหายไปไหนมาน่ะ”

“ฉันรู้น่า ก็แค่ตอบตามจริงไปว่ามีลูก เลยต้องหายไป”

“แล้วเรื่องพ่อเด็ก”

“เลิกกัน ก็แค่นั้น”

อี้คุนถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความชิวของคนข้างกาย ชายหนุ่มพอรู้ว่าเพื่อนของตนคร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่ยังเด็ก รับงานมาตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ไต่เต้าจนมีคนรู้จักมากมาย แถมยังได้ฉายาว่าจักรพรรดิวงการบันเทิงที่อายุน้อยที่สุดด้วยความสามารถเพียวๆของไฉหลิน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการบันเทิงเลยทีเดียว

“อย่าไปคิดมากเลยอี้คุน เรื่องของฉันกับถิงถิง สักวันก็ต้องถูกเปิดเผย สู้ฉันเปิดเผยเลยไม่ดีกว่าเหรอ”

“เอาเถอะ ถ้ามีปัญหาอะไรฉันจะช่วยแกเอง”

“ขอบใจนะ”

อี้คุนพาไฉหลินกับถิงถิงมาส่งถึงโรงแรมหรูที่อยู่ในเครือเดียวของตระกูลอีกฝ่าย ทำให้ค่าเช่าห้องถูกลดลงมาจนไฉหลินอดเกรงใจไม่ได้ ความจริงอีกฝ่ายถึงกับจะให้เขาอยู่ฟรีเลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็ปฏิเสธไปในทันที

“พรุ่งนี้เจอกัน”

“โอเค เดี๋ยวช่วงสายจะรีบมาไปดูบ้าน”

“บาย”

โบกมือลาเพื่อนที่มาส่งถึงยังห้องพัก ไฉหลินมองลูกน้อยของตัวเองที่นอนซบไหล่อยู่ด้วยความเอ็นดู ใจก็ยังอยากให้ลูกชายนอนแต่ก็ต้องจำใจปลุกขึ้นมาล้างหน้าเช็ดตัวและแปรงฟัน

“ถิงถิงลูก ตื่นมาให้แม่ชื่นใจหน่อยเร็ว”

“หม่ามี๊ … งืมๆ”

“เรามาถึงห้องพักแล้ว ถิงถิงต้องลุกขึ้นมาทำความสะอาดร่างกายก่อนแล้วค่อยนอนต่อนะครับ”

“แต่ถิงถิงยังง่วงอยู่เลยอ่ะหม่ามี๊”

“หม่ามี๊รู้ครับ แต่ถิงถิงต้องทำความสะอาดร่างกายก่อนนอนนะ ไม่งั้นคุณเชื้อโรคต้องมาเล่นงานถิงถิงแน่นอนเลย”

“โอ้ จริงด้วยฮะหม่ามี๊ ถิงถิงลืมคิดเลย งั้นถิงถิงขออาบน้ำกับหม่ามี๊ด้วยนะคับ”

“ได้เลยครับเด็กดี งั้นเราไปอาบน้ำกันเถอะเนอะ”

“เย้!”

หลังจากจัดการเจ้าถิงถิงตัวน้อยจนเสร็จพลังของไฉหลินก็หมดลง และคืนนั้นเขานอนกอดลูกชายตัวนุ่มหลับสนิทจนถึงเช้าเลยทีเดียว

++++

ช่วงสายของวัน อี้คุนก็เดินทางมารับสองแม่ลูกไปดูบ้าน ซึ่งไฉหลินเองจะเอาความคิดของลูกมากกว่า หากลูกชอบหลังไหน ไฉหลินก็จะเอาหลังนั้น ซึ่งสองที่แรกที่อยู่ในเขตสำหรับเพศรองอย่างโอเมก้านั้น ดูเหมือนจะยังไม่ถูกใจถิงถิงตัวน้อย ดังนั้นจึงเหลือหลังสุดท้ายที่อยู่ในเขตของบรรดาไฮโซ หรือผู้ดีมีชาติตระกูล

“นี่หลังสุดท้ายละ ถ้าไม่ถูกใจ เดี๋ยวฉันไปหาให้เพิ่ม”

รถยนต์ถูกขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านขนาดกลางและถือว่าเล็กที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ ทว่าสำหรับไฉหลินแล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่สวยสะดุดตาที่สุดเลยก็ว่าได้

“หนูชอบไหมครับถิงถิง”

“หม่ามี๊ สวยมากเลย!”

สองแม่ลูกชื่นชมบ้านหลังนี้อย่างคนใจตรงกัน ไฉหลินหันไปหาเพื่อนสนิทอย่างอี้คุนก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายว่าต้องการเข้าไปดูด้านในบ้าน

“โอเค งั้นลงจากรถกัน”

อี้คุนชักชวนทั้งสองให้ลงจากรถ บ้านสองชั้นสีขาวขนาดกลางได้ปรากฏให้ไฉหลินและถิงถิงได้เห็น แม้ตัวบ้านจะไม่ได้ใหญ่มากเท่าบ้านหลังอื่นๆ ในหมู่บ้านนี้ แต่เขตพื้นที่โดยรอบบ้านกับกว้างขวางเป็นอย่างมาก

“หม่ามี๊ ปล่อยถิงถิงลงหน่อยคับ”

“หืม ได้สิครับ”

ไฉหลินปล่อยลูกน้อยลงจากอ้อมกอดให้ถิงถิงได้เดินสำรวจโดยรอบได้อย่างเต็มที่

“เป็นไงหลังนี้”

“ดีมากเลยล่ะ แต่ต้องรอถามถิงถิงด้วยว่าโอเคไหม”

“อืม แต่ดูจากปฏิกิริยาแล้ว ฉันว่านายได้ซื้อบ้านหลังนี้แน่”

ทั้งสองพูดคุยเล่นกันอีกเล็กน้อยก่อนที่จะได้ยินเสียงเท้าของถิงถิงวิ่งมาหา

“เป็นไงบ้างถิงถิง หนูชอบไหมหลังนี้ อาหาให้สุดความสามารถเลย”

“คุณอาอี้ ถิงถิงชอบคับ!”

“แล้วถิงถิงอยากอยู่ที่นี่ไหมครับ หากหม่ามี๊จะย้ายมาอยู่กับถิงถิง”

“อยากอยู่กับหม่ามี๊ ถิงถิงชอบคับ!”

เป็นอันตกลงว่าไฉหลินจะซื้อบ้านหลังนี้เป็นที่อยู่อาศัยนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ซึ่งการซื้อขายนั้ยก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต้องยกเครดิตให้กับอี้คุนเลยก็ว่าได้

“อ่า จริงสิ สรุปเรื่องงานเป็นวันศุกร์หน้านะ นายเตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ ฉันแอบไปสปอยพวกทีมงานมาด้วยแหละว่ามีดาราที่โคตรดังมาขึ้นปกแล้ว พวกนั้นตื่นเต้นกันใหญ่”

“ได้เลย ว่าแต่ฉันพาถิงถิงไปด้วยได้ไหม”

“ได้สิ เดี๋ยววันนั้นฉันดูให้ แกแค่ทำงานให้เต็มที่ก็พอ”

“กับงานที่รัก ฉันเต็มที่แน่นอน ไม่ต้องห่วง”

ไฉหลินอดตื่นเต้นไมาได้ เขารู้ว่าในช่วงที่เขานั้นห่างหายจากวงการบันเทิงไป ทุกอย่างก็เริ่มถูกปรับเปลี่ยนไปเยอะ มีนักแสดงหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมามากมาย ชื่อเสียงในวงการมีขึ้นก็ต้องมีลง ไฉหลินเองก็ทำใจมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย ดังนั้นการที่เขาตัดสินใจกลับเข้าไปทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้งก็ถือว่าต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น ทว่าถึงอย่างงั้นไฉหลินจะไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน เขาจะกลับมายืนหยัดในวงการบันเทิงอีกครั้งให้ได้

หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ไฉหลินก็ขนข้าวของเข้าบ้านหลังใหม่เป็นที่เรียบร้อย เขาได้ทำการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ยังขาดเหลืออยู่ผ่านทางออนไลน์ให้พนักงานมาส่งถึงที่ ยังดีที่เป็นของเล็กของน้อยเพราะในบ้านหลังนี้ถูกตกแต่งภายในมาแล้ว ทำให้ราคาบ้านที่ซื้อไปสูงมากกว่าปกติ ทว่าไฉหลินก็ยอมจ่ายในความสะดวกสบายนี้

ในส่วนห้องนอนของไฉหลินและถิงถิง ตอนแรกเขาลองเกริ่นถามลูกน้อยว่าต้องการห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองไหมทว่าเด็กน้อยก็รีบส่ายหัวจนผมปลิวแล้วมาเกาะแขนเกาะขาของไฉหลินไว้แน่น

“ไม่เอานะหม่ามี๊ ถิงถิงไม่เอาห้องส่วนตัว”

“อ่าว ทำไมล่ะครับ มีห้องส่วนตัวไม่ดีตรงไหนล่ะ”

“ไม่ดีเลย ถ้าถิงถิงมีห้องส่วนตัว ถิงถิงก็จะไม่ได้นอนกับหม่ามี๊”

“หืม ใครบอกถิงถิงเหรอครับ ไหนเล่าให้หม่ามี๊ฟังสิ”

“เพื่อนถิงถิงคับที่เล่าให้ฟังว่าตัวเองมีห้องส่วนตัวด้วย แถมบอกอีกว่าถ้ามีห้องส่วนตัวจะต้องนอนคนเดียว แต่ถิงถิงไม่อยากนอนคนเดียงนะหม่ามี๊”

“โอเคครับ หม่ามี๊เข้าใจแล้ว ถิงถิงนอนห้องใหญ่กับหม่ามี๊เนอะ แต่หากวันไหนถิงถิงอยากมีห้องส่วนตัวให้บอกหม่ามี๊นะ รู้ไหม”

“คับ แต่ถิงถิงจะไม่บอกหม่ามี๊หรอก”

“เอ้า แล้วกันเจ้าเด็กนี่ ฮ่าๆ”

“คิกๆ หม่ามี๊”

“เด็กดี จริงสิ ถิงถิงครับ วันศุกร์หน้าหม่ามี๊มีงานที่ต้องไปทำด้วย หม่ามี๊จะพาถิงถิงไปด้วยนะ”

“จริงเหรอ ถิงถิงไปด้วยนะหม่ามี๊”

“แน่นอนครับ แต่ถิงถิงต้องสัญญากับหม่ามี๊ก่อนว่าจะไม่ดื้อไม่งอแงในระหว่างที่หม่ามี๊ทำงานนะ”

“สัญญาคับ!”

“หม่ามี๊จะฝากหนูไว้กับคุณอาอี้คุนนะ ถิงถิงอยากได้อะไรหรือต้องการไปไหนให้อาอี้คุนพาไป ห้ามแอบไปคนเดียวเด็ดขาด”

“ได้เลยหม่ามี๊ ถิงถิงจะดูหม่ามี๊ทำงาน!”

“เด็กดีของหม่ามี๊ดีที่สุดเลย”

สำหรับไฉหลินแล้ว ถิงถิงเป็นแก้วตาดวงใจเลยก็ว่าได้ เด็กน้อยที่เขาอุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนและผ่าคลอดออกมาอย่างยากลำบาก ถิงถิงตัวน้อยที่เลี้ยงง่ายและเป็นคนที่เขารักมากที่สุด

+++++++++++

เปิดเรื่องใหม่แนววงการบันเทิง(อีกแล้ว) ตอนแรกก่ะจะไม่แต่งแนวนี้ละ ที่ไหนได้ต้องวกกลับแต่งอยู่ดี ฝากด้วยนะงับ เป็นโอเมก้าเวิร์สนะเรื่องนี้

งานแรกในรอบห้าปี

เช้าวันศุกร์ ไฉหลินจำเป็นต้องตื่นเช้ากว่าในทุกๆ วัน เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เขาต้องไปทำงาน การทำงานในวงการบันเทิงสำหรับไฉหลินแล้ว ในเรื่องของเวลานั้นเมื่อก่อนที่จะมีลูก เขาชินไปกับมันมาก นอนดึกตื่นเช้า หรือแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเลยก็มีเพื่อเร่งงานถ่าย แต่พอหยุดไปในช่วงห้าปี ความรู้สึกขี้เกียจก็เริ่มเพิ่มพูนมากขึ้น ยิ่งมีถิงถิงลูกน้อยตัวนุ่มอยู่ในอ้อมกอดด้วยแล้ว ใจของไฉหลินแทบจะไม่อยากลุกจากเตียงเลยก็ว่าได้

“เดี๋ยวค่อยปลุกถิงถิงดีกว่า”

เห็นลูกชายนอนหลับตาพริ้มเขาก็ทำใจปลุกไม่ลงจริงๆ ดังนั้นไฉหลินจึงปลีกตัวไปทำธุระของตัวเองให้เสร็จก่อนที่จะไปทำกับข้าวจัดเตรียมเสบียงให้ทั้งขนมนมเนยไว้ให้ถิงถิงน้อยได้ทานระหว่างรอเขาทำงานในวันนี้

หลังจากยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวจนเสร็จ ไฉหลินก็เข้าไปปลุกลูกน้อยให้ตื่นมาเตรียมตัวไปทำงานกับเขา

“ถิงถิงเด็กดี วันนี้หนูต้องตื่นเร็วนะลูก”

ไฉหลินจัดการสอดแขนอุ้มตัวถิงถิงให้มาซบอยู่บนอกพร้อมเขย่าปลุกไปด้วย เด็กแก้มใสที่เริ่มรู้สึกตัวปรือตาขึ้นมามองเขาด้วยรอยยิ้มหวานฉ่ำ

“หม่ามี๊ หนูง่วงจัง ฮ้าว!”

“ถิงถิงค่อยไปนอนต่อในรถนะลูก ตอนนี้หนูต้องไปอาบน้ำแต่งตัวแล้ว เดี๋ยวคุณอาอี้จะขับรถมารับ”

“งือ หม่ามี๊กอดถิงถิงให้กำลังใจหน่อยได้เปล่าคับ”

“กอดเนอะเด็กดี”

ได้กำลังใจมาเต็มเปี่ยมเด็กน้อยก็ขยุกขยิกตัวลงจากอ้อมกอดของไฉหลินพร้อมจัดการจูงมือหม่ามี๊ตัวเองพากันเข้าไปในห้องน้ำ จับลูกน้อยอาบน้ำแต่งตัวทาแป้งจนหอมกรุ่นน่าฟัดไปหมดทั้งตัว

ไฉหลินอดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่าเขานั้นคลั่งรักลูกชายคนนี้มากขนาดไหน

เมื่อถึงเวลานัด รถยนต์คันหรูของอี้คุนก็ถูกขับมาจอดไว้ที่หน้าบ้าน ไฉหลินลุกขึ้นยืนพาเด็กน้อยถิงถิงเดินออกไปยังที่รถ เขาจัดการเปิดประตูรถด้านหลังทักทายเพื่อนสนิทเล็กน้อยก่อนจะวางกระเป๋าและจับลูกชายนั่งเบาะคาดเบลล์จนเสร็จ ก่อนที่ตัวไฉหลินนั้นจะเข้าไปจัดการล็อคบ้านทั้งด้านในและด้านนอก ตรวจดูทุกอย่างจนเสร็จถึงออกมาขึ้นรถพร้อมออกเดินทางไปทำงาน

“วันนี้น่าจะมีถ่ายเกือบทั้งวันนะ ส่วนเรื่องค่าตัวฉันโอนจ่ายมัดจำไปให้แล้ว”

“ขอบใจมาก แต่จริงๆ ไม่ต้องให้ฉันมากมายอะไรขนาดนั้นก็ได้ แกช่วยฉันมาก็เยอะ”

“ได้ไง เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงานสิ ไม่เอา ไม่พูดเรื่องเงินละ เรามาพูดถึงงานวันนี้ดีกว่า รอบนี้ห้องเสื้อที่เข้ามาเป็นสปอร์นเซอร์ให้นิตยสารเป็นแนวคลาสสิคในยุคเก่าเสื้อผ้าเลยออกไปทางวินเทจคลาสสิคหน่อยๆ แต่ฉันชอบสไตล์นี้มากและเชื่อว่าอีกไม่นานสไตล์นี้จะมาแรง กว่าจะเถียงกับกรรมการคนอื่นในที่ประชุมได้มาโคตรยากเลย ละดีนะที่นายได้ใส่ถ่ายแฟชั่นขึ้นปกรอบนี้เชื่อเลยว่าขายดีทั้งคู่แน่นอน”

“แกมั่นใจได้ไงว่าฉันจะใส่แล้วดูดี”

“โอ้ย อย่าให้พูดเลยอาไฉ รูปร่างแบบแกคือไม้แขวนเสื้อที่ดีไซเนอร์ต้องการทั้งนั้น นี่เชื่อไหม ถ้าฉันไม่บอกพวกกรรมการบริษัทไปนะว่านายแบบที่จะใส่ถ่ายคือแก ห้องเสื้อแบรนด์นี้ไม่มีทางได้ขึ้นปกแน่นอน แต่พอฉันบอกไปว่าแกจะขึ้นปกนิตยสารเดือนนี้ปุ๊บ ตาลุงแก่ๆ พวกนั้นเห็นดีเห็นงามกันในทันที แถมยังถามย้ำเป็นสิบกว่ารอบด้วยนะว่าแกจะกลับมาทำงานในวงการบันเทิงจริงๆ ใช่ไหม”

ไฉหลินฟังเพื่อนเล่าเรื่องราวต่างๆ จนเพลิน แม้อีกฝ่ายจะบ่นเรื่องงานขนาดไหนก็ตาม แต่เขาก็รู้ว่าอี้คุนรักงานตรงนี้มากเป็นพิเศษ พวกเขาพูดคุยเล่นกันจนรู้ตัวอีกที รถก็ขับมาถึงสตูดิโอถ่ายงาน อี้คุนถอยรถจอดเข้าที่ลานจอดรถวีไอพีเป็นที่เรียบร้อยพร้อมดับเครื่องยนต์

“พร้อมทำงานหรือยังอาไฉ ฝีมือถ่ายแบบของนายคงยังไม่ตกใช่ไหม”

“ไม่มีทางแน่นอน เดี๋ยวขอปลุกถิงถิงก่อน หลับคอพับคออ่อนเลยลูกเอ้ย”

“ไม่ต้องปลุกหรอก ให้ฉันอุ้มก็ได้ แกถือของถิงถิงก็พอ เดี๋ยวฉันอุ้มหลานเอง”

“โอเค ฝากด้วยแล้วกัน”

ตกลงกับเพื่อนเสร็จพวกเขาพากันลงจากรถ ไฉหลินหยิบกระเป๋าใส่ของถิงถิงมาถือไว้ส่วนอี้คุนก็จัดการอุ้มเจ้าตัวน้อยพาดบ่าของตัวเองไว้

“แกนี่ถ้ามีลูกคงจะเห่อน่าดูเลยนะอี้คุน”

“ฉันรักเด็กมากแกก็รู้ อยากมีลูกจะตาย แต่ก็นะ เกิดมามีเพศรองเป็นเบต้า มีลูกยากจะตาย”

อี้คุนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ไฉหลินอดรู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำให้เพื่อนรู้สึกไม่ดีแบบนี้

“งั้นแกก็มาเป็นพ่อทูนหัวให้ถิงถิงสิ”

“หืม จะดีเหรอ”

“ดีจะตาย แกเป็นเพื่อนฉัน และเป็นพ่อทูนหัวถิงถิง เพื่ออนาคตข้างหน้าถิงถิงจะได้สมบัติจากแกบ้าง ฮ่าๆ”

“อ้อ ประเด็นหลักคือเรื่องนี้สินะ เดี๋ยวจะโดน”

“ล้อเล่นน่า แต่แอบคิดจริงนะ ฮ่าๆ เข้าไปด้านในกันเถอะ เดี๋ยวทีมงานรอนาน”

หยอกล้อกันพอหอมปากหอมคอ สองเพื่อนซี้ก็พากันเดินเข้าไปในตึกสตูดิโอชื่อดัง ระหว่างทางเดินก็มีพนักงานเดินกันให้ขวักไขว่ ในทีแรกที่ไฉหลินได้เดินผ่านก็ไม่ได้เป็นจุดสนใจมากนัก ทว่ามีพนักงานสาวคนหนึ่งที่จ้องไฉหลินตาไม่กระพริบก่อนที่หญิงสาวจะทำหน้าตกใจปนตื่นเต้นและกรี๊ดออกมาเสียงดังทำเอาผู้คนรอบกายตกใจไปด้วย ไฉหลินกับอี้คุนต้องถึงกับหยุดชะงักมองไปยังคนต้นเหตุเสียงกรี๊ดนััน และดูเหมือนว่าสายตาที่เปล่งประกายของพนักงานสาวจะมองเจาะจงมาทางไฉหลินโดยเฉพาะ ทำให้ผู้คนที่กำลังสงสัยอยู่ถึงกับหันไปมองตาม

ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจก่อนที่พวกเขาจะได้ยินเสียงอุทานเรียกชื่อของไฉหลินเสียงดัง

“นั่นไฉหลิน!”

“จริงด้วย กรี๊ด ไฉหลินจริงๆ ด้วย!”

“ไฉหลินไหน อย่าบอกนะว่าไฉหลินคนนั้นที่เป็นเจ้าของฉายาจักรพรรดิวงการบันเทิงที่อายุน้อยที่สุดน่ะ”

“ใช่จริงๆ ด้วยอ่ะแก กรี๊ด”

เสียงพูดคุยดังไปทั่วโถงชั้นล่าง อี้คุนเห็นว่าอีกเดี๋ยวถ้าไฉหลินยังไม่ไปคงจะวุ่นวายแน่ๆ เพื่อนหนุ่มเบต้าเลยรีบจับจูงพากันเข้าไปในลิฟต์ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”

“แหะๆ ก็คิดว่าเขาจะลืมๆ ฉันกันไปบ้างแล้วนะสิ”

“ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนเว้ย หน้าตาแกโด่ดเด่นขนาดนั้น”

ไฉหลินได้แต่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะหันไปสนใจลูกน้อยที่ยังหลับซบไหล่อี้คุนไม่ยอมตื่น แม้เสียงดังขนาดไหนก็ตามเขาก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยให้ถิงถิงตื่นเองตามเวลาปกติที่ลูกชายคนนี้จะตื่น

++++

ตึกสตูดิโอในวันนี้วุ่นวายมากโดยเฉพาะห้องสตูของนิตยสาร VOL นิตยาสารอัพเดทแฟชั้นรายเดือนยอดฮิตที่มีคนในวงการชื่อดังรายคนได้ขึ้นปก ซึ่งรอบนี้คนที่ได้ขึ้นปกนิตยสารเป็นนักแสดงชื่อดังจนมาถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะห่างหายไปจากวงการนานถึงห้าปีแล้วก็ตาม

“ตอนแรกผมก็นึกว่าอี้คุนล้อเล่นนะว่าจะเอาคุณไฉหลินมาขึ้นปก ที่ไหนได้มาตัวเป็นๆ เลย”

หลิวฮัวเป็นตากล้องประจำนิตยสารVOLพูดขึ้นด้วยความยินดี อันที่จริงชายหนุ่มก็รู้มาก่อนหน้านั้นแล้วว่านายแบบที่ตนจะต้องถ่ายให้เป็นใคร แต่เพราะไม่เชื่อเลยทำให้คิดว่าเจ้านายอย่างอี้คุนคงพูดเล่นแน่ๆ

“ต้องขอบคุณอี้คุนที่ติดต่อผมมาด้วย ถึงทำให้ผมมีโอกาสร่วมงานกับช่างภาพมากฝีมือแบบคุณ ผมต้องขอฝากตัวด้วยนะครับ”

“ยินดีมากเลยครับ ผมอยากถ่ายภาพคุณมาตั้งนานแล้ว วันนี้มีโอกาสทั้งที ผมไม่พลาดแน่นอน”

พูดคุยกันอีกเล็กน้อยไฉหลินก็ขอตัวไปหาสไตลิสต์ที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้ช่วยดูงาน ส่วนอี้คุนนั้นก็แยกตัวไปนั่งอีกที่เพราะต้องหลีกหนีความวุ่นวายของทีมงานและกลัวถิงถิงน้อยตื่นขึ้นมาแล้วงอแง

“ผิวดีมากเลยนะคะคุณไฉหลิน”

“ขอบคุณครับพี่”

รับคำชมจากพี่สาวช่างแต่งหน้าที่ชวนเขาพูดคุยอย่ทงเป็นกันเอง ยังดีที่ไม่มีใครถามในเรื่องที่เขาห่างหายไปจากวงการบันเทิง แต่ก็อาจจะรู้แล้วก็ได้ในเมื่อเห็นอี้คุนอุ้มเด็กมาขนาดนั้น และก่อนที่เขาจะเข้ามาฟิตติ้งชุด ไฉหลินก็แอบไปหอมแก้มลูกน้อยขอกำลังใจไปหนึ่งฟอดอีกด้วย ดังนั้นหากมีคนเดาได้คงจะรู้ว่าที่เขาหายออกไปจากวงการบันเทิงไปคือไปคลอดลูกมา

“ว่าแต่พี่ถามได้ไหมคะคุณไฉหลิน พอดีพี่เห็นคุณหอมแก้มเด็กน้อยคนหนึ่งที่คุณอี้คุนอุ้มมา…”

“อ้อ นั่นลูกชายผมเองครับ”

“ถึงว่าสิคะ หน้าตาน่ารักมากแถมยังเหมือนคุณไฉหลินไปตั้งแปดส่วน”

“ขอบคุณมากครับ”

“แล้วน้องชื่ออะไรเหรอคะ”

“ชื่อถิงถิงครับพี่”

“ชื่อน่ารักสมตัวน้องมากๆ เลยค่ะ คุณไฉหลินคะ นี่ชุดเซ็ตแรกค่ะ”

ทางสไตลิสต์นำชุดที่เตรียมไว้มาให้ไฉหลินได้ใส่ ชุดแรกทีไฉหลินได้ใส่เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวพิมพ์ลายบาร็อคสีน้ำตาลเข้มส่วนกางเกงจะเป็นทรงขากระบอกเอวสูงสีกากี ทางแอคเซสเซอรี่จะเป็นแว่นกรอบทองเลนส์สีน้ำตาล พอชุดถูกสวมใส่โดยไฉหลิน ทุกอย่างมันดูลงตัวไปจนหมด สมกับที่ห้องชุดแบรนด์ดังต้องการตัวคนๆ นี้ไปเป็นไม้แขวนให้จริงๆ

หลังแต่งตัวเสร็จไฉหลินก็ออกไปด้านนอกเพื่อไปฟังบรีฟจากทีมงานผู้ช่วย การถ่ายแบบแฟชั่นไม่มีอะไรยากมาก หากคุณสามารถรู้มุมกล้องของตัวเอง และการจัดท่าทางของร่างกายให้สวยงาม ทุกอย่างก็จะเป็นเรื่องง่ายดายไปหมด

“โอเค งั้นเริ่มถ่ายกันเลยครับ”

บรีฟงานจนเข้าใจกันทุกฝ่าย หลิวฮัวที่เป็นตากล้องก็เริ่มงานในทันที ไฉหลินเดินเข้าไปในฉากสีขาวก่อนจะมองไปยังกล้องด้านหน้าและเริ่มจัดท่าทางของตัวเองให้ดูดี เอียงใบหน้าให้เข้ากับมุมกล้องของตัวเอง เสียงชัตเตอร์ที่ดังรัวๆ โดยไม่มีเสียงอะไรมาขัดขวางการทำงานในครั้งนี้ได้นอกจากเสียงชื่นขมของตากล้องเอง

“ดีมากครับ ช่วยเชิดใบหน้าให้ผมหน่อย นั่นแหละครับ”

การถ่ายเซ็ตแรกผ่านไปได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ฝีมือการถ่ายแบบของไฉหลินนั้นทำให้ทุกคนได้ประจักว่าเขายังคงมีความสามารถและพรสวรรค์เหมือนเดิม

“มีอะไรต้องแก้ไขไหมครับคุณหลิวฮัว”

“ไม่มีครับ แถมรูปที่เสียก็มีน้อยมากๆ เลยครับ”

ไฉหลินพยักหน้าก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดเพื่อถ่ายเซ็ตถัดไป ทว่าพอเขาเข้ามาในห้องแต่งตัว ภาพที่เห็นทำเอาไฉหลินอมยิ้มในทันทีเพราะลูกน้อยถิงถิงตื่นขึ้นมานั่งยิ้มแป้นแล้นเล่นกับพี่ๆ ทีมงานในห้องแต่งตัวกันอย่างสนุกสนานและไม่งอแงเมื่อเจอคนแปลกหน้าเลยสักครั้ง

“ถิงถิงครับ หม่ามี๊มาแล้วนะ”

“โอ้ หม่ามี๊ของถิงถิง!”

เด็กน้อยรีบปีนลงจากเก้าอี้โดยมีอี้คุนเข้ามาช่วย พอลงมาได้ ถิงถิงน้อยก็รีบวิ่งเข้ามาหาจนไฉหลินต้องคุกเข่ารอรับอ้อมกอดเล็กๆ ของลูกชาย

“ถิงถิงตื่นมาแล้วไม่เห็นหม่ามี๊ ถิงถิงงอแงไหมเอ่ย”

“ไม่คับ! ถิงถิงไม่งอแงเลยนะหม่ามี๊”

“งั้นถิงถิงของหม่ามี๊ก็เก่งที่สุดเลยครับ หิวไหมลูก หนูทานอะไรหรือยัง”

“ถิงถิงหม่ำๆ นมแล้ว คุณอาอี้คุนเอาขนมมาให้ถิงถิงกินด้วย”

เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วอย่างน่าเอ็นดู ไฉหลินเองเมื่อเห็นว่าถิงถิงเข้ากับทุกคนได้ก็หมดห่วงไปได้ส่วนหนึ่ง ในตอนแรกนั้นเขากังวลใจว่าถิงถิงจะกลัวเพศรองอื่นที่ไม่ใช่โอเมก้า เพราะตั้งแต่เกิดมาสภาพสังคมของถิงถิงนั้นเจอแต่เพศรองที่เป็นโอเมก้าเด็กน้อยเพิ่งเคยเจอเบต้าก็ตอนพบกับอี้คุน ทว่าตอนนี้ บรรดาทีมงานด้านนอกนั้นจะมีทั้งเบต้าและอัลฟ่าถึงส่วนใหญ่จะเป็นเบต้าซะมากกว่า แต่ไฉหลินก็ยังแอบกังวลลึกๆ ไม่ได้ว่าหากถิงถิงได้เจอกับแรงกดดันของอัลฟ่า ลูกน้อยจะกลัวหรือเปล่า

“เดี๋ยวคุณไฉหลินเปลี่ยนชุดถัดไปเลยนะคะ”

“อ้อ ได้เลยครับ ถิงถิง เดี๋ยวหม่ามี๊มานะลูก หนูอยู่เล่นกับคุณอาอี้คุนในห้องนี้ก่อนนะครับ”

“คับหม่ามี๊ ถิงถิงจะรอหม่ามี๊อยู่ในนี้!”

“ไม่ต้องห่วงหรอกอาไฉ เดี๋ยวฉันดูให้ไม่ให้คลาดสายตาเลย”

“ใช่ค่ะ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยดูด้วย”

เมื่อไฉหลินเห็นว่ามีคนดูแลถิงถิงมากมายขนาดนี้ เขาเลยได้แต่ยินยอมพร้อมใจฝากลูกชายไว้กับบรรดาพี่ๆ ทีมงานเตรียมตัวไปเปลี่ยนชุดที่จะใช้ถ่ายในเซ็ตถัดไป

++++

การกลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้งของไฉหลินนั้นเป็นอะไรที่ตัวเขานั้นคิดถึงมาก ไฉหลินรู้ว่าตัวเองรักในสายงานด้านนี้ที่สุด ในอดีตที่ตอนนั้นเขาตัดสินใจลาพักจากงานในวงการ ไฉหลินนั้นนอนร้องไห้แทบทุกคืน ทั้งเรื่องที่ตัวเขานั้นท้องและเรื่องที่ต้องตัดสินใจออกจากสายงานที่เขารัก ทว่าสุดท้ายแล้วไฉหลินก็ต้องตัดสินใจเดินหน้าต่อไปเพื่อลูกที่จะเกิดมาในเร็วเขา กว่าสามเดือนที่ต้องจัดการเอกสารและหน้าที่การงานให้เสร็จ มีเพียงผู้ใหญ่ระดับสูงในต้นสังกัดที่ไฉหลินสังกัดอยู่และผู้จัดการส่วนตัวคนสนิทเท่านั้นที่รับรู้ว่าเขานั้นท้อง

และหลังจากนั้นไม่นาน ไฉหลินก็เดินทางออกนอกประเทศในทันที เขาหายตัวไปจากวงการบันเทิงโดยที่ไม่บอกเหตุผลอะไรแม้จะมีข่าวลือออกมามากมายในช่วงแรกๆ แต่พอเวลาผ่านไป ทุกคนที่ติดตามเขาและเป็นแฟนคลับก็ออกมาเล่นแท็ก ‘คิดถึงไฉหลิน’ ในเว่ยปั๋วจนติดฮอตเสิร์ชกันมาหลายอาทิตย์ ตอนนั้นไฉหลินที่ยังคอยติดตามข่าวสารในวงการบันเทิงอยู่ทำให้ช่วงนั้นที่เขาเข้ามาอ่านคอมเมนท์ของแฟนคลับถึงกับนอนร้องไห้อีกครั้ง และความเครียดบวกกับความกังวลทำให้ไฉหลินถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว

ตั้งแต่นั้นมาไฉหลินเลยตัดสินใจเลิกดูเลิกติดตามข่าวสารของวงการบันเทิงในประเทศหัวเซี่ยตลอดทั้งห้าปีที่ผ่านมา

“อาไฉ ถึงบ้านแล้ว”

เสียงปลุกของเพื่อนสนิทที่ขับรถมาส่งเขาถึงบ้านดังขึ้น ไฉหลินที่เพียงแค่พักสายตาก็ลืมตาตืนขึ้นมา แม้ตอนนี้เขาจะเพลียมากแค่ไหนก็ตามที

“วันนี้ขอบคุณมากนะอี้คุน”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณแก งานในวันนี้ดีมาก เชื่อไหม ต้นเดือนหน้าพอนิตยสารฉันลงขายนะไม่เกินหนึ่งชั่วโมงหมดแน่นอน และยอดขายต้องพุ่งกระฉูดอย่างหยุดไม่อยู่แน่ๆ เหอะ คราวนี้ล่ะฉันจะได้เยาะเย้ยนิตยสารคู่แข่งได้สักที”

“อวยเกินไปแล้วอ่ะ ถ้าขายได้ไม่ดีห้ามโทษฉันนะ ว่าแต่นิตยสารเจ้าไหนอ่ะที่เป็นคู่แข่งกับของนาย”

“นิตยสารMALอ่ะ เพิ่งจะเปิดไม่ถึงสามปีเอง ชอบดีลพวกดาราไอดอลตัดหน้าฉันตลอด เดือนก่อนฉันไปดีลกับจักรพรรดิวงการบันเทิงคนล่าสุดอย่างหลานหลุนมาขึ้นปก สรุปว่าไม่กี่วันต่อมาหลานหลุนให้ผู้ช่วยโทรมาปฏิเสธเฉยเลย รู้ตัวอีกทีก็เห็นอีกฝ่ายไปขึ้นปกนิตยสารMALไปซะแล้ว”

“อ้อ เอาน่า ไหนๆ มันก็ผ่านไปแล้วล่ะ เรามาภาวนาให้ปกที่ฉันขึ้นเดือนหน้าขายดีๆ ดีกว่าเนอะ”

ไฉหลินอดเห็นใจเพื่อนไม่ได้ เขาเลยได้แต่ให้กำลังใจอีกฝ่ายไปเล็กน้อยเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าอี้คุนจะมั่นใจเหลือเกินว่าถ้าเอาเขาขึ้นปกนิตยสารต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆ

“ฉันมั่นใจน่า เอาล่ะ ลงกันเถอะ เจ้าหนูถิงถิงน่าจะเหนื่อยมากเลยวันนี้ หลับทั้งขาไปขากลับมาตลอดทางเลย”

“นั่นสินะ นายไม่ต้องลงหรอก เดี๋ยวฉันอุ้มเจ้าหนูลงเองดีกว่า”

“ไหวนะ วันนี้แกก็เหนื่อยนะเว้ย”

“ไหวสิ อุ้มลูกตัวเองไม่หนักหรอก หรือต่อให้หนัก ฉันก็อุ้มไว้ นี่ไง ฮึบ”

ไฉหลินอุ้มถิงถิงขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้ในมือ

“วันนี้ขอบใจมากนะ กลับบ้านดีๆ ล่ะอี้คุน”

“โอเค บ๊ายบาย เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันโทรหา”

ไฉหลินมองส่งเพื่อนสนิทที่ขับรถออกไป ไฉหลินก็ทำการเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน แม้จะทุลักทุเลเล็กน้อยอต่เดราะความชำนาญการทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ไฉหลินวางข้าวของไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะจับเด็กน้อยถิงถิงที่นอนน้ำลายยืดอยู่บนไหล่วางลงบนโซฟานุ่ม

“หลับอุตุเลยแฮะ”

มองใบหน้าลูกชายก็ชื่นใจ จากที่เคยเหนื่อยล้ากับการทำงานในตอนแรกๆ แต่ตอนนี้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลูกของเขานี่เปรียบเสมือนพลังงานดีๆ นี่เอง

“งือ หม่ามี๊”

“เด็กดีของหม่ามี๊ตื่นได้แล้วนะครับ”

“หนูตื่นแล้วคับหม่ามี๊”

ถิงถิงอ้าแขนออกเพื่อขอกอดหม่ามี๊ตัวเอง ซึ่งไฉหลินเองก็ยินยอมพร้อมใจกอดถิงถิงน้อยอย่างแนบแน่น

“หิวหรือยัง วันนี้หนูอยากทานอาหารเย็นเป็นอะไรดีครับ”

“ถิงถิงอยากหม่ำเส้นสีแดงๆ คับหม่ามี๊”

“เส้นสีแดงๆ สปาเก็ตตี้ราดซอสแดงใช่ไหม”

“ใช่แล้วหม่ามี๊ ถิงถิงอยากหม่ำสุดๆ ไปเลย”

“โอ้ ถิงถิงขอมาขนาดนี้ หม่ามี๊ต้องทำให้แล้วล่ะ”

“เย้ หม่ามี๊ของถิงถิงน่ารักที่สุดเลย!”

“ถิงถิงของหม่ามี๊ก็น่ารักที่สุดเลยครับ งั้นก่อนทานอาหาร เราต้องทำอะไรนะ”

“เราต้องล้างมือ!”

“ถูกต้อง เราต้องล้างมือครับ ถิงถิงไปล้างมือนะ เดี๋ยวหม่ามี๊เข้าครัวไปทำสปาเก็ตตี้ให้ถิงถิงทาน ใส่แฮม ใสมะเขือเทศด้วยดีไหม”

“ดีคับหม่ามี๊ ถิงถิงชอบมะเขือเทศที่สุด!”

เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ไฉหลินก็จัดการเข้าครัวทำมื้อค่ำให้ลูกชายกับตัวเขาได้ทานกัน ส่วนตัวถิงถิงที่ล้างมือเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งดูการ์ตูนอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างเรียบร้อยเพื่อรอหม่ามี๊ของตัวเองทำอาหารเสร็จ

กิจวัตรประจำวันของสองแม่ลูกนั้นมักมีไม่มากนัก แต่ก็มีความสุขที่สุดเช่นกัน สำหรับไฉหลินที่มักเอาลูกเป็นที่ตั้ง เขาเห็นแค่ถิงถิงมีความสุขแค่นั้นก็พอใจแล้ว

ยอดขายพุ่งไม่หยุด

@แค่ผ่านทางมา : มีข่าวลือว่าเห็นไฉหลินที่สตูดิโอล่ะทุกคน #คิดถึงไฉหลิน

@สายลมจันทรากับอาไฉของเจียเจีย : อันนี้พูดจริงหรือเปล่า ข่าวลือเชื่อได้แค่ไหนอ่ะ ไม่เห็นบ้านเบสพูดถึงเลย

@ข้ามเวลามาติ่ง : ลือจริงลือปลอมอ่ะ เห็นตลอดห้าปีลือมาตลอดนะ ไม่เห็นจริงสักเรื่อง / แต่ถ้าจริงจะดีมาก อยากแจกเงิน/

@ถึงไฉไฉที่รัก : ฉันอยากภาวนาให้ทุกข่าวลือที่ว่าไฉไฉกลับมาเป็นเรื่องจริงมากๆ เพราะฉันคิดถึงเขามากๆ

@ขาเผือกเสือกอร่อย : กลับมาจริงเหรอ ไม่ใช่โดนผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงแบนไปแล้วนะ

@mylove : แล้วแกไปรู้ได้ไงเหรอว่าไฉหลินโดนผู้ใหญ่ในวงการแบนอ่ะ รู้ดีกว่าเจ้าตัวอีก

@เลิฟลี่ยู : เบื่อพวกแอนตี้เต้าข่าวปลอม ไฉหลินเป็นคนที่ผู้ใหญ่เอ็นดูซะครึ่งวงการเลยก็ว่าได้ ทีหน้าทีหลังอย่าเดาอะไรส่งเดช

หลากหลายความคิดเห็นในแท็กยังไม่ได้บูมมากจนทำให้ผู้คนภายนอกสนใจ ทว่าทางฟากฝั่งนักข่าวสายบันเทิงรวมถึงผู้ใหญ่ในวงการเริ่มได้ยินข่าวนี้กันมาบ้างแล้ว ทำให้ตอนนี้มีสายโทรเข้าหาไฉหลินมากมาย จนโทรศัพท์ของเขาถึงกับค้างกันเลยทีเดียว

“หม่ามี๊เป็นไรคับ”

ถิงถิงน้อยเห็นหม่ามี๊นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจดๆ จ้องๆ มือถืออยู่ก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“หืม หม่ามี๊ไม่ได้เป็นอะไรครับ”

“จริงเหรอ แต่ถิงถิงเห็นหม่ามี๊จ้องเจ้านี้ไม่ละสายตาเลย แถมขมวดคิ้วแบบนี้ด้วย”

ไม่พูดเปล่า เด็กน้อยก็ทำตัวอย่างให้ดูจนใบหน้าเล็กๆ ยู่ตาม ไฉหลินได้แต่หัวเราะขำลูกชายตัวน้อยที่พยายามทำคิ้วขมวดตาม แต่ดูเหมือนตอนนี้จะขมวดไปทั้งหน้าเลยก็ว่าได้

“หม่ามี๊ยิ้มแล้ว!”

“ฮ่าๆ ถิงถิงคนเก่ง เจ้าตัวความสุขของหม่ามี๊”

ไฉหลินกอดฟัดเจ้าตัวเล็กอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะผละกายออกเพื่อให้ลูกชายได้นั่งดีๆ ไฉหลินหันมาสนใจมือถือที่ตอนนี้เครื่องหายร้อนไปแล้วในใจพลางคิดตั้งมั่นไว้ว่าจะหาซื้อมือถือรุ่นดีๆ สักเครื่องมาใช้ ไม่งั้นหากเป็นแบบวันนี้อีกละก็เขาคงหัวร้อนแน่ๆ

และเมื่อตัดสินใจได้เรียบร้อย วันต่อมาไฉหลินก็พาถิงถิงมาเที่ยวห้างในทันที

“เดี๋ยวหม่ามี๊ซื้อของเสร็จ เราไปหาอะไรทานดีไหม ถิงถิงอยากหม่ำๆ อะไรดีเอ่ย”

ลูกชายตัวน้อยยืนจับมือไฉหลินแน่นอยู่ข้างกาย เขาสัมผัสและรับรู้ถึงความกังวลของถิงถิงได้ แต่เพราะอยากให้ลูกได้ฝึกการใช้ชีวิตในสังคมที่มีเพศรองที่สามารถกดข่มตัวเองได้เช่นอัลฟ่า

แม้สมัยนี้วิวัฒนาการและเทคโนโลยีของวัคซีนที่สามารถใช้กดฟีโรโมนทำให้ไม่สามารถได้กลิ่นเฉพาะตัวของคนอื่นได้ ทั้งยังมีวัคซีนระงับฮีทกับรัทที่ฉีดกันปีละครั้ง ทว่าสำหรับคู่โชคชะตาแล้วของพวกนี้ใช่ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวดังนั้นแม้อัลฟ่าส่วนมากจะไม่แผ่กลิ่นฟีโรโมนเฉพาะตัวออกมากดข่มเพศรองอย่างโอเมก้าแล้ว แต่ว่าก็ยังมีอำนาจบางอย่างที่สามารถทำให้โอเมก้าบางคนสั่นกลัวได้เหมือนกัน ดังนั้นไฉหลินเลยตัดสินใจพาลูกชายออกมาลองข้างนอกบ้างเพื่อที่เด็กน้อยจะคุ้นชินไปกับมันเพื่อวันใดวันหนึ่งถิงถิงเจอคนแบบนั้นจะได้รับมือได้บ้าง

“หม่ามี๊ ถิงถิงอยากกลับบ้านคับ”

“แต่หม่ามี๊ยังไม่ได้ซื้อของเลยนะครับ”

“งือ หม่ามี๊ซื้อของๆ”

เมื่อเห็นว่าหม่ามี๊ไม่ยอมใจอ่อน ถิงถิงตัวน้อยเลยได้จับมือหม่ามี๊แกว่งไปมา แม้จะอยากอ้อนแต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าหม่ามี๊ของตัวเองนั้นไม่ยอมใจอ่อนแน่ๆ

“เด็กดี ซื้อของเสร็จหม่ามี๊พาหนูไปกินไอติมดีไหมครับ”

“ติม! ถิงถิงอยากหม่ำติมที่สุด!”

ดูเหมือนว่าไฉหลินจะเบี่ยงประเด็นได้สำเร็จ ทำให้การพาถิงถิงออกนอกบ้านคราวนี้ไม่มีอุปสรรค์อะไรที่เขาต้องกังวลอีกต่อไป

@VOL MAGAZINE : เปิดสปอยปกเงานักแสดงชื่อดังที่ห่างหายไปจากวงการบันเทิงนานหลายปี จะเป็นใครกันนะ? รอติดตามกันได้เลย

@ข้ามเวลามาติ่ง : เฮ้ย หรือว่าข่าวลือจะเป็นข่าวจริง ใครก็ได้บอกหน่อย กรี๊ด ฉันจะได้เตรียมเงินไปเหมา VOL ให้หมดทุกร้านหนังสือเลย!

@สายลมจันทรากับอาไฉของเจียเจีย : ฉันไม่เคยอ้อนวอนอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้ฉันขออ้อนวอนให้มันเป็นจริง เงาของไฉหลินใช่ไหม!

@ถึงไฉไฉที่รัก : กรี๊ด ! ฉันจำเงาได้ ไฉหลินแน่นอน

@ขี้เผือก : มั่นเนอะว่าเป็นโอเมก้านั่น อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้

@mylove เป็นโอเมก้าแล้วทำไมเหรอ แกมาจากคนยุคเก่าขี้เหยียดอยู่อีกเหรอ

@เลิฟลี่ยู : ไฉหลินล้าน % VOL ไม่มีทางทำให้พวกเราผิดหวังใช่ไหม

@ขาเผือกเสือกอร่อย : จะใช่เหรอ หายไปนานขนาดนั้นสภาพร่างกายคงไม่สวยงามแบบเก่าละมั้ง เอามาขึ้นปกก็เจ๊งเปล่าๆ นะ

@คิดถึงทุกวินาที : อะไรเจ๊งก่อน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ยิ่งเอาไฉหลินมาขึ้นปกมีแต่ได้กับได้ แกยังไม่เคยเจอบรรดาแฟนคลับรุ่นเก๋าที่ชื่นชอบไฉหลินสินะ

คอมเมนท์ได้คาดเดากันไปมาจนถึงวันที่นิตยสาร VOL ได้ลงขายในออนไลน์ และลงตามหน้าร้านหนังสือ แฟนคลับที่ได้คาดเดาว่าเป็นไฉหลินขึ้นปกนั้น ก็เฮกันลั่นพร้อมกับแห่กันกดซื้อนิตยสารออนไลน์จนเว็บแทบระเบิด เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีนิตยสารVOLที่มีไฉหลินขึ้นปกก็หมดเกลี้ยงรวมถึงตามหน้าร้านหนังสืออีกด้วย

“อาไฉ! ขอกอดหน่อย ฮือ”

ไฉหลินอดตกใจไม่ได้เมื่ออยู่ๆ อี้คุนก็พุ่งพรวดเข้ามาในบ้านพร้อมเสียงร้องไห้ที่ดังลั่นและแรงกอดรัดจนเขาแทบหายใจไม่ออก จนเขาต้องดันกายเพื่อนสนิทให้ออกห่าง

“อะไรของแกเนี่ยอี้คุน เห็นไหม ถิงถองตกใจหมด”

“แหะๆ ฟืด ถิงถิง อาขอโทษนะลูกที่ทำให้หนูตกใจ เมื่อกี้อาแค่ดีใจสุดๆ เท่านั้นเอง”

“ไม่เป็นไรคับคุณอา ถิงถิงไม่โกรธคับ!”

เด็กน้อยสั่นหัวไปมาก่อนที่จะหันไปต่อเลโก้ ของเล่นชิ้นใหม่ที่หม่ามี๊ซื้อให้โดยไม่สนใจผู้ใหญ่ทั้งสองคนอีก

“สรุปแกเป็นอะไร”

“นี่แกไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองขึ้นฮอตเสิร์ชในเว่ยปั๋วเป็นอันดับหนึ่งอ่ะ”

“ไม่รู้เลย ตั้งแต่กลับมา ฉันยังไม่เคยเข้าไปเช็คในเว่ยเลยด้วยซ้ำ แถมช่วงนี้ผู้ใหญ่ในวงการโทรมาหากันเพียบ ถึงกับมือถือฉันค้างไปเลย นี่ก็เพิ่งเปลี่ยนใหม่มาเป็นรุ่นล่าสุดด้วย เลยยังไม่ทันได้โหลดแอพอะไรมาสักแอพ”

“งั้นแกควรรู้ไว้ว่าตอนนี้ VOLที่เพิ่งวางขายในวันนี้ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน ตอนนี้หมดเกลี้ยงคลังแล้วเพื่อน! นี่ฉันกำลังเร่งสำนักพิมพ์ให้พิมพ์เพิ่มอยู่ด้วย ยอดขายที่ขายในวันแรกคือโคตรปัง! ในออนไลน์นะ ไม่ถึงหนึ่งนาทีคือหมดสต็อคเลยก็ว่าได้และทั้งหมดทั้งมวลที่ฉันพูดมาก็คือเพราะแกที่ทำให้ VOL ของฉันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า!”

ไฉหลินคิดว่าตอนนี้อี้คุนอาจจะกำลังสติแตกอยู่ก็เป็นได้ เขาเลยลูบหลังเพื่อนพร้อมเทน้ำเย็นๆ ให้เพื่อนได้ดื่ม เพื่อที่จะใจเย็นลงได้บ้าง

“ฉันจะโอนค่าตัวแกเพิ่ม”

“หยุดเลยนะ แค่ที่ตกลงกันไว้ก็พอแล้ว”

“ได้ไงอ่ะ แก— “

“นั่นคือกำไรที่แกสมควรได้รับนะอี้คุน เพราะงั้นไม่ต้องให้ฉันเพิ่มหรอก”

“โฮ เพื่อนที่แสนดี ช่วยให้ฉันได้ตอบแทนแกบ้างได้ไหม”

“ถ้าแกอยากตอบแทน ฉันอยากให้แกช่วยอะไรสักอย่างน่ะ ช่วงนี้ฉันกำลังมองหาโรงเรียนให้ถิงถิงอยู่น่ะ ต้องการโรงเรียนใกล้บ้านนะ และขอสังคมในโรงเรียนที่ดีหน่อยด้วย”

“โอ๊ะ ถามถูกคนมาก ฉันก่ะจะแนะนำให้แกพาถิงถิงลองไปสมัครดูอยู่เลย เดี๋ยวพาไปละกัน”

“โอเค ขอบใจมากนะ”

ไฉหลินเอ่ยขอบคุณเพื่อนที่ให้ความช่วยเหลือ อันที่จริงเขากังวลมาตลอดเรื่องโรงเรียนของถิงถิง จริงๆ เขาก็มองอยู่สักสองสามโรงเรียนอยู่แล้ว แต่แต่ละที่คือไกลบ้านหมด เขาไม่อยากให้ลูกชายตื่นเช้ามากนักด้วย ตอนนี้เลยได้แต่มองหาโรงเรียนดีๆ และใกล้กับบ้านหลังนี้ด้วย

++++

โรงเรียนนานาชาติหัวเซี่ย เป็นโรงเรียนเอกชนขื่อดังที่เพิ่งเปิดได้สี่ปีโดยมีเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ร่วมหุ้นกันเปิดโรงเรียนแห่งนี้ ส่วนด้านการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติหัวเซี่ยถือว่าเข้าขั้นมาตรฐานที่ดีมาก อาจจะเพราะว่าเงินถึงจนสามารถจ้างครูผู้สอนที่มีความรู้ความสามารถมาไว้ในโรงเรียนได้ และระบบต่างๆ ของทางโรงเรียนก็ถูกจัดการได้อย่างดี

“ละที่นี่มีตั้งแต่เกรด1ถึงเกรด12เลย ถิงถิงจะได้เรียนกันยาวๆ ไม่ต้องไปหาสมัครที่ไหนอีก”

ไฉหลินฟังอี้คุนพูดถึงโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งบรรยากาศโดยรอบโรงเรียนนั้นดูร่มรื่นมาก แถมยังมีขนาดใหญ่แยกโซนเด็กโตเด็กเล็กได้เป็นอย่างดี

“ถิงถิงครับ”

“คับหม่ามี๊”

“หนูชอบที่นี่ไหม”

“ชอบคับหม่ามี๊ มีของเล่นด้วย! ถิงถิงอยากเล่นคับ”

เด็กน้อยชี้ไปยังของเล่นตรงสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ ถิงถิงจ้องมองไม่วางตาเลยทีเดียว แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเข้าไปเล่นไม่ได้เพราะตอนนี้ปิดเทอม ประตูทางเข้าสนามถูกล็อคไว้

“ตอนนี้ถิงถิงยังเล่นไม่ได้ครับ เขาล็อคประตูอยู่ แต่ถ้าหนูอยากเล่น หนูก็ต้องเรียนที่นี่ ถิงถิงว่าดีไหม”

“ดีคับ ถิงถิงอยากเรียนที่นี่!”

เป็นอันตกลงว่าถิงถิงจะได้เรียนที่โรงเรียนนานาชาติหัวเซี่ยเป็นแน่แท้ ดังนั้นพอถึงวันสมัครเรียน ไฉหลินก็นำเอกสารสำคัญของลูกชายไปยื่นให้ทางโรงเรียน และพาถิงถิงไปทดสอบความรู้เบื้องตัน ซึ่งเด็กน้อยก็สามารถทำบททดสอบผ่านไปได้ด้วยดีดังนั้นในตอนนี้ก็เหลือเพียงการประกาศผลก็เท่านั้นว่าผ่านหรือไม่ผ่าน

ไฉหลินที่มัวแต่สนใจเรื่องของลูกชาย ทำให้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในโลกโซเชี่ยลนั้น ตัวเองกำลังเป็นที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมากโดยเฉพาะบทสัมภาษณ์ในนิตยสารสาร VOL ที่ไฮหลินได้ให้สัมภาษณ์ไว้ และประเด็นที่ทุกคนกำลังพูดถึงกันอยู่นี้คือ เรื่องที่ไฉหลินหายไปจากวงการบันเทิงเพราะท้องนั่นเอง

@ถึงไฉไฉที่รัก : ไฉหลินท้อง ลูกฉันท้อง! ฉันได้เป็นคุณยายโดยไม่รู้ตัว #ไฉไฉที่รัก

@คิดถึงทุกวินาที : ฮือ ฉันซื้อนิตยสารVOLไม่ทัน มีใครใจดีขายต่อไหม #ไฉไฉที่รัก

@รักไม่ยอมบอก : ลูกอาไฉชื่อน้องถิงถิง แค่ชื่อก็น่ารักแล้วหน้าตาจะน่ารักขนาดไหนอ่ะ แต่ใดๆ คืออาไฉของพวกเราไม่เปลี่ยนไปเลย แถมยังดูดีมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นด้วย #ไฉไฉที่รัก

@ติ่งทุกวินาที : ฉันผู้มีพ่อแม่ปู่ย่าเป็นแฟนคลับของไฉหลินตั้งแต่ไฉหลินยังเด็ก พอพวกท่านรู้ว่าไฉหลินกลับมา ฉันโดนพวกท่านไล่ให้ไปเหมานิตยสารVOLของเดือนนี้มาจนแทบจะหมดร้านเลย นี่รูปหลักฐาน [รูป] [รูป] #ไฉไฉที่รัก

@เลิฟลี่ยู : ฉันไปแย่งมาได้สิบกว่าเล่มเอง ที่จริงอยากเอามาให้หมด แต่ทางร้านหนังสือจำกัดจำนวนการซื้อ เสียดายมาก แต่ใดๆ คือไฉหลินดูดีสุดๆ ชุดสไตล์นั้นใส่ยากมาก แต่พอไฉหลินเอามาใส่ถ่ายแบบละโคตรดูดี วันนี้ฉันเลยกดสั่งซื้อซะเลย ยังดีที่พอมีไซซ์ฉันขายอยู่บ้าง [รูป] [รูป] #ไฉไฉที่รัก

@สายลมจันทราของอาไฉกับเจียเจีย : ฉันอ่านบทสัมภาษณ์ของอาไฉที่รักแล้วอยากกอดปลอบมาก ยังดีที่อาไฉไปอยู่ในเขตโอเมก้า ตอนท้องจะได้มีคนมาดูแล เห็นเขาว่าโอเมก้าตอนท้องจะลำบากมากๆ แต่ใดๆ ฉันอยากเห็นน้องถิงถิงจัง! #ไฉไฉที่รัก

@เกลียดไฉหลิน : ท้องไม่มีพ่อ ท้องไม่มีผัว ตอนนั้นคงใจแตกน่าดู สมน้ำหน้า #ไฉไฉที่รัก

@ขี้เผือก : ว่าแล้วที่หายไปเพราะท้อง แถมเด็กก็ไม่มีพ่อด้วย ดูท่าทางแล้วก็สมควร #ไฉไฉที่รัก

@หากรักแล้วรักเลย : สมองอีพวกแอนตี้คงมีแต่ขี้ วันๆ พ่นอะไรดีๆ ออกจากปากไม่ได้เลยเนอะ @ขี้เผือก @เกลียดไฉหลิน#ไฉไฉที่รัก

@mylove : ไม่ชอบไฉหลินแต่เข้ามาส่องแท็กตลอด ใส่ใจตลอด พวกแกเป็นอะไรอ่ะ งง ไม่ชอบก็แค่ไม่ยุ่งไม่มองสิ บ้าหรือเปล่า ส่วนเรื่องท้องมันยังไงเหรอ เขาก็บอกอยู่ว่าเลิกกันไปแล้วก่อนท้อง จะไม่มีพ่อได้ไงอ่ะ แค่เขาไม่ได้อยู่ด้วยกันแกไม่เข้าใจตรงไหนอ่ะ @ขี้เผือก @เกลียดไฉหลิน #ไฉไฉที่รัก

@รักคุณไฉไฉ : อีพวกหัวโบราณ ต่อให้ท้องไม่มีพ่อหรือท้องก่อนแต่งสมัยนี้เขาไม่ได้สนใจอะไรเรื่องพวกนี้แล้วจ้ะสาวเขามีแต่จะยินดีให้กับเรื่องพวกนี้ อ่านคอมเมนท์พวกแกแล้วก็นึกว่าเรากำลังกลับสู่ยุคที่สมองมนุษย์ยังไม่เจริญซะอีก@ขี้เผือก @เกลียดไฉหลิน #ไฉไฉที่รัก

ถึงวันประกาศผลของทางโรงเรียนนานาชาติหัวเซี่ย ไฉหลินจัดการเข้าเว็บตรวจสอบรายชื่อลูกชายตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนั้น เขาไล่ดูรายชื่อและก็เห็นว่ามีรายชื่อของลูกอยู่ก็อดดีใจไม่ได้ เป็นอันว่าเรื่องโรงเรียนของถิงถิงนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกต่อไป

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของลูกชาย ภารกิจต่อไปของไฉหลินที่ต้องเคลียร์ก็มีอีกเป็นกองเท่าภูเขา นั่นก็คือการโทรไปหาบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการบันเทิง เพราะทันทีที่มีข่าวลืออกไปว่าเขากลับมาทำงานในวงการ สายแรกที่โทรเข้ามาหาในทันทีก็คือพี่จ้าวจิน ผู้จัดการส่วนตัวมือทองของค่ายหัวเซี่ยเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ดังนั้นนี่จึงเป็นสายแรกที่ไฉหลินต้องโทรหา

[สวัสดีครับ จ้าวจินพูดสายครับ]

“พี่จ้าวจิน! ผมเองครับ”

[อาไฉใช่ไหม]

“ใช่แล้วครับ วันนั้นที่สายตัดไปเพราะมือถือดับ คนโทรเข้ามาเยอะเกิน นี่ผมก็เพิ่งเปลี่ยนมือถือเป็นรุ่นใหม่แทน”

[เฮ้อ พี่ก็กังวลนึกว่าเราเป็นอะไร อยู่ๆ สายก็ตัด แถมโทรหาก็ไม่ติด ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง รู้ไหมว่าพี่ตกใจขนาดไหนพอมีคนมาบอกว่าเธอกลับมาน่ะ ไม่เห็นโทรบอกพี่เลย]

“พอดีว่าเพื่อนผม อี้คุนน่ะครับ เขาบินไปทำงานแล้วก็เลยไปเยี่ยมผมพอดี ตอนนั้นเราได้พูดคุยกันแล้วเขาก็อยากให้ผมถ่ายแบบลงปกนิตยาสาร ผมเลยตอบตกลงไปเพราะคิดว่าอะไรๆ ในชีวิตก็เข้าที่แล้วด้วย ถ้าจะกลับไปทำงานในวงการอีกครั้งคงไม่เป็นไร”

[พี่ดีใจที่เธอกลับมานะไฉหลิน แล้วคิดเอาไว้แล้วหรือยังว่าจะไปที่ไหน พี่เชื่อนะว่าต้องมีคนคิดต่อหาเธอเยอะน่ะ]

“แหะๆ ใช่ครับ แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเข้าสังกัดไหนน่ะครับ”

[งั้นเธอไม่สนใจกลับมาที่เก่าเหรอ]

“ผมว่า — “

[อย่าเพิ่งปฏิเสธ ท่านประธานใหญ่มีข้อเสนอมาให้เธอด้วย]

“เอ๊ะ ข้อเสนออะไรเหรอครับ”

[เธอมีเวลาว่างเข้าบริษัทไหม]

“มีครับพี่ แต่ผมขอพาลูกไปด้วยได้ไหม”

[ได้เลย เดี๋ยวพี่ส่งเวลานัดวันไปให้นะ]

“ครับ ขอบคุณมากนะพี่จ้าว ผมขอวางสายก่อนนะครับ”

[โอเค บาย]

ไฉหลินกดวางสายไปเรียบร้อยก็เข้ามาดูข้อความที่อดีตผู้จัดการส่วนตัวส่งวันและเวลามาให้เขาเข้าไปบริษัท อันที่จริงไฉหลินเองก็ตั้งใจที่จะคิดต่อบริษัทเดิมอยู่แล้ว ทั้งระบบดูแลภายใน รวมถึงข้อตกลงสัญญาต่างๆ ของบริษัทหัวเซี่ยเอ็นเตอร์เทนเม้นท์นั้นดีมากและไม่เอารัดเอาเปรียบนักแสดงมากเกินไปด้วย

“หม่ามี๊อยู่ไหน!”

เสียงเรียกของลูกชายปลุกให้ไฉหลินตื่นจากภวังค์ เขารีบลุกขึ้นเดินไปยังด้านบนบ้านก็เห็นหนูน้อยในชุดนอนลายแบร์กำลังยืนเบะปากทำท่าจะร้องไห้อยู่ จนเขาต้องรีบเดินเข้าไปอุ้มลูกน้อยเข้าเอวในทันที

“ถิงถิง หม่ามี๊อยู่นี่ครับ หนูโตแล้วนะ ไม่เบะปากงอแงสิลูก”

“หม่ามี๊หาย ไม่นอนกับถิงถิง”

“หม่ามี๊คุยงานอยู่ครับ เลยลุกออกมาก่อน จริงสิ หม่ามี๊มีข่าวดีจะบอกหนูด้วยนะถิงถิง อยากรู้ไหมเอ่ย”

“อยากคับ!”

“ข่าวดีก็คือ ถิงถิงของหม่ามี๊สอบผ่านแล้วครับ! หนูได้ที่เรียนแล้ว”

“เย้! ถิงถิงจะได้เล่นแล้ว”

“เรียนครับ ไม่ใช่เล่น”

“แต่ถิงถิงอยากเล่นสนามที่มีของเล่นเยอะๆ นะหม่ามี๊”

“โธ่ ก็เล่นด้วยเรียนด้วยไงครับ เนอะ”

แววตาออดอ้อนของลูกชายตัวน้อยทำเอาไฉหลินไม่อยากเถียงต่อ เขาเลยได้แต่เลยตามเลยไปเสียอย่างงั้น ทว่าก็ไม่ลืมบอกลูกชายด้วยว่าให้ตั้งใจเรียนด้วยไม่ใช่เอาแต่ตั้งใจเล่นเพียงอย่างเดียว

[ad_2]

Source link